-
- ชื่อ-นามสกุล (ภาษาไทย)ผศ.ดร.สุพิศ บุญลาภ
- ชื่อ-นามสกุล (ภาษาอังกฤษ)ผศ.ดร.Supit Boonlab
- ตำแหน่งทางวิชาการผู้ช่วยศาสตราจารย์
- ตำแหน่งปัจจุบันผู้ช่วยศาสตราจารย์
- คณะ/หน่วยงานคณะศิลปศาสตร์
- โทรศัพท์0899387XXX
- E-Mail Addressupitwongyanon@yahoo.com
- สาขาวิชาการที่มีความชำนาญสามารถใช้คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สำนักงานได้ดี
อัพเดทล่าสุด
09 ก.ย. 256600090จำนวนคนดู
ชื่อโครงการ | การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการเป็นพลเมืองดิจิทัลสำหรับรายวิชาศึกษาทั่วไป |
ชื่อโครงการภาษาอังกฤษ | The development for the development of teaching and learning model to promote digital citizenship for general education course. |
หน่วยงาน | |
หัวหน้าโครงการ | ผศ.สุพิศ บุญลาภ |
ผู้ร่วมวิจัย |
1. ผศ.ปรรฐมาศ์ พสิษฐ์ภคกุล |
พี่เลี้ยง | |
ที่ปรึกษา | |
ปีงบประมาณ | 2564 |
คำสำคัญ | รูปแบบการเรียนการสอน พลเมืองดิจิทัล หลักสูตรศึกษาทั่วไป |
ผลลัพธ์ | |
บทคัดย่อ (ภาษาไทย) | |
บทคัดย่อ (ภาษาอังกฤษ) | |
หลักการและเหตุผล | เทคโนโลยีดิจิทัลสามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในหลากหลายมิติ เช่น การเพิ่มรายได้ การสร้างโอกาสในการเรียนรู้ การเข้าถึงบริการของรัฐ (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร , 2559) ตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมถึงการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีดิจิทัลของประชาชนและภาคสังคม โลกยุคดิจิทัลได้สร้างโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับพลเมืองในศตวรรษที่ 21 ทั้งโอกาสทางเศรษฐกิจ การเมืองและการเรียนรู้ อาจกล่าวได้ว่าเราใช้อินเทอร์เน็ตเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว กลุ่มอายุ 15-34 ปี เป็นกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ เป็นเครื่องมือการเรียนรู้และการศึกษาในชีวิตประจำวัน ดังเช่นจำนวนคนไทยมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์ที่สามารถพกพาได้สะดวก ได้แก่ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต คนไทยเข้าถึงและใช้อินเทอร์เน็ต สถิติ พ.ศ. 2560 คนไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 57 ล้านคนจากประชากรทั้งหมดประมาณ 68 ล้านคน หรือร้อยละ 83.5 (Internet World Stats, 2018) และใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ยต่อวันที่ 6 ชั่วโมง 24 นาที หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของเวลาแต่ละวันเลยทีเดียว (สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์, 2561) นอกจากนั้นกิจกรรมต่าง ๆ ที่เราทำล้วนเกี่ยวพันกับอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันห้วงเวลาดี ๆ กับเพื่อนในโซเชียลมีเดีย การติดตามข่าวสารบ้านเมือง การค้นหาข้อมูลสุขภาพ การดูทีวีและฟังเพลงออนไลน์ การซื้อสินค้าออนไลน์ รวมถึงการมีส่วนร่วมทางการเมืองในฐานะพลเมือง ต่อมา พ.ศ. 2562 ประเทศไทย มีประชากร 69.24 ล้านคน โดย 50% ของจำนวนประชากรทั้งหมด อาศัยอยู่ในเขตเมือง 57 ล้านคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต โดย 55 ล้านคนเป็นกลุ่มที่ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นประจำ 51 ล้านคนใช้งาน Social Media เป็นประจำ 49 ล้านคน ใช้ Social Media ผ่านโทรศัพท์มือถือ (Marketingoops, 2019) ถ้าจะกล่าวว่าในระดับการใช้งาน อินเทอร์เน็ตคือสื่อที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการสื่อสารหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ อีเมล โซเชียลมีเดีย บล็อก วิดีโอสตรีมมิ่ง ระบบการส่งข้อความทันที (instant messaging) บริการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต (Voice over Internet Protocol หรือ VOIP) กระดานข่าวออนไลน์ และรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างช่องทางการสื่อสารและการเข้าถึงข้อมูลในราคาที่ถูกมาก แต่ยังเป็นเครื่องมือในการปฏิสัมพันธ์ การมีส่วนร่วม และการสร้างความร่วมมือระหว่างกันในระดับโลกอีกด้วย John P. Barlow (2010) กล่าวว่า “ด้วยพัฒนาการของอินเทอร์เน็ต และความแพร่หลายของการสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เรากำลังอยู่ในห้วงเวลาแห่งเทคโนโลยีที่จะนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดตั้งแต่ที่เรารู้จักการใช้ไฟ” แต่ดูเหมือนคนจำนวนมากจะยังขาดทักษะและความรู้ที่จำเป็นต่อการใช้ประโยชน์จากโอกาสดังกล่าว ยังไม่รู้วิธีลดผลกระทบจากความเสี่ยงในโลกออนไลน์ รวมถึงขาดความเข้าใจเรื่องสิทธิและความรับผิดชอบในโลกยุคดิจิทัล การเป็นพลเมืองดิจิทัลในศตวรรษที่ 21 จำเป็นอย่างยิ่งต่อบริบทที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติ อายุ ภาษาและวัฒนธรรม พลเมืองดิจิทัลจึงต้องเป็นพลเมืองที่มีความรับผิดชอบ มีจริยธรรม เห็นอกเห็นใจและเคารพผู้อื่น มีส่วนร่วมมุ่งเน้นความเป็นธรรมในสังคม เป็นต้น คุณลักษณะเหล่านี้ได้ปรากฎขึ้นอย่างชัดเจนในสังคมไทยแล้วหรือไม่ ความเป็นพลเมืองดิจิทัล (digital citizenship) คือแนวคิดและแนวปฏิบัติที่สำคัญซึ่งจะช่วยให้พลเมืองเรียนรู้ว่าจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลและปกป้องตนเองจากความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างไร รวมทั้งรู้จักเคารพสิทธิของตนเองและมีความรับผิดชอบต่อสังคมในโลกสมัยใหม่ ไปจนถึงเข้าใจผลกระทบของเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีต่อสังคม และใช้มันเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในเชิงบวก ดังนั้นการเป็นพลเมืองในศตวรรษที่ 21 นั้นแตกต่างจากการเป็นพลเมืองในศตวรรษก่อนหน้า การใช้ชีวิตในสังคมโลกและในสังคมออนไลน์ได้ขยับขยายแนวคิดความเป็นพลเมืองออกไป ความเป็นพลเมืองทุกวันนี้จึงไม่ได้ถูกตีกรอบแคบ ๆ ว่า หมายถึงการไปเลือกตั้งหรือการมีส่วนร่วมกับรัฐบาลของชาติเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการทำความเข้าใจปรากฏการณ์ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับโลกไปพร้อม ๆ กัน ไปจนถึงการใช้ชีวิตในโลกออนไลน์อย่างมีความรับผิดชอบ มีจริยธรรม และปลอดภัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีมีเป้าหมายผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติมืออาชีพที่ควบคู่ไปกับสมรรถนะ ทักษะทางสังคม (แผนยุทธศาสตร์ มทร.ธัญบุรี 20 ปี, 2563) บัณฑิตหนึ่งคนที่จะก้าวออกไปเพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติไม่ใช่เพียงแค่มีสมรรถนะทางวิชาชีพเท่านั้นสมรรถนะทางสังคมที่พร้อมจะแสดงความรับผิดชอบต่อผู้อื่นที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล นั่นคือ การเป็นพลเมืองดิจิทัลอย่างไรให้เป็นประโยชน์ต่อองค์กร สังคม ประเทศชาติและโลก ดังนั้นการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนที่ขนานไปกับทักษะวิชาชีพของหลักสูตรมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีจึงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องเน้นให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และการที่จะพัฒนาให้ตรงจุดและสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนจริง ๆ จึงต้องเป็นการสะท้อนมาจากตัวบัณฑิตที่จบออกไปแล้ว และประชาชนรอบมหาวิทยาลัยที่ได้สัมผัสหรือได้รับผลกระทบจากนักศึกษาในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นการศึกษาหัวข้อ การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนไปสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัล เป็นประเด็นเร่งด่วนที่ต้องศึกษา นำผลการวิเคราะห์ที่ได้เป็นรูปแบบการพัฒนาที่มีนัยสำคัญไปประกอบการสร้างหลักสูตรของมหาวิทยาลัยต่อไป |
วัตถุประสงค์ | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 5.1 เพื่อสำรวจทักษะการเรียนรู้ดิจิทัลของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 5.2 เพื่อวิเคราะห์รูปแบบที่มีประสิทธิภาพของการเป็นพลเมืองดิจิทัลในยุคศตวรรษที่ 21 |