ข้อมูลงานวิจัย การพัฒนาและแปรสภาพวัสดุทางการเกษตรของชุมชน ในจังหวัดปทุมธานี เพื่อลดปริมาณของเสีย และการเพิ่มมูลค่าของวัสดุเหลือใช้

ข้อมูลส่วนตัว
    • ชื่อ-นามสกุล (ภาษาไทย)ผศ.เนตรนภิส แก้วช่วย
    • ชื่อ-นามสกุล (ภาษาอังกฤษ)ผศ.Netnapit Kaewchoay
    • ตำแหน่งทางวิชาการผู้ช่วยศาสตราจารย์
    • ตำแหน่งปัจจุบันผู้ช่วยศาสตราจารย์
    • คณะ/หน่วยงานคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
    • โทรศัพท์0915188XXX
    • E-Mail Addresjnetnapit@gmail.com
    • สาขาวิชาการที่มีความชำนาญสอนรายวิชาเคมี,งานกิจกรรมนักศึกษา,งานด้านทุนการศึกษาของนักศึกษาและการประกันอุบัติเหตุนศ.
    อัพเดทล่าสุด
    09 ก.ย. 2566
    00215
    จำนวนคนดู
ข้อมูลโครงการงานวิจัย
ชื่อโครงการ การพัฒนาและแปรสภาพวัสดุทางการเกษตรของชุมชน ในจังหวัดปทุมธานี เพื่อลดปริมาณของเสีย และการเพิ่มมูลค่าของวัสดุเหลือใช้
ชื่อโครงการภาษาอังกฤษ Development and transformation of aagricultural wastes from local area in Pathum Thani Province for reduce waste content and adding value of waste materials
หน่วยงาน
หัวหน้าโครงการ ผศ.เนตรนภิส แก้วช่วย
ผู้ร่วมวิจัย
พี่เลี้ยง
ที่ปรึกษา
ปีงบประมาณ 2563
คำสำคัญ การจัดการของเสีย, วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร วัสดุดูดซับ……สิ่งแวดล้อม… การพัฒนาพื้นที่
ผลลัพธ์
บทคัดย่อ (ภาษาไทย)
บทคัดย่อ (ภาษาอังกฤษ)
หลักการและเหตุผล จังหวัดปทุมธานี เป็นจังหวัดที่ประชากรส่วนมากประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจหลักและเป็น 1 ใน 5 ของจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตข้าวมากที่สุดของประเทศ ผลพลอยได้ทางการเกษตรคือวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรต่างๆ เช่น แกลบ เป็นวัสดุเหลือใช้ที่มีสัดส่วนเหลือทิ้งมากที่สุด และยังไม่ได้ถูกนำ มาใช้ประโยชน์มากนักและพบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ยังมีการจัดการของเสีย วัสดุทางการเกษตรหรือเรียกว่า ชีวมวลโดยการเผาในที่โล่ง (open burning) ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการปล่อยก๊าซ เรือนกระจก เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านฝุ่นควันจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ปัญหาหลักของชุมชนคือ ปัญหาการจัดการด้าน มลพิษทางน้ำของชุมชน และด้านสิ่งแวดล้อมเชื่อมโยงกับปัญหาด้านสาธารณสุขเป็นลูกโซ่ ส่งผลถึงความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตของคนแต่ละชุมชน ระบบการจัดการของเสียและกระบวนการจัดการที่มีประสิทธิภาพ จึงเป็น แนวคิดของโครงการวิจัยที่จะพัฒนาชุมชนให้เกิดองค์ความรู้ทางด้านการจัดการวัสดุเหลือใช้ ของเสียในชุมชน อย่างเป็นรูปธรรม โดยการนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ เข้ามาบริหารจัดการการแปรรูปและพัฒนาวัสดุดูดซับวัสดุดูดซับชนิดใหม่ หรือ biochar จากวัสดุทางการเกษตร หรือวัสดุเหลือ ทิ้งทางการเกษตร เป็นวิธีการแปรสภาพ วัสดุเหลือใช้ในชุมชน สร้างเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชุมชนได้ เป็นการลดปริมาณของวัสดุที่จะถูกนำไปทิ้ง และสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์ในห่วงโซ่คุณค่าทางสิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนได้ โดยพบว่า biochar สามารถนำมาใช้ในการบำบัดน้ำได้เป็นอย่างดี โดยสามารถใช้เป็นวัสดุดูดซับสารเคมีอันตราย หรือกรองกากตะกอนของ น้ำจากแหล่งครัวเรือน ปศุสัตว์ และการลดปริมาณสารเคมีกำจัดศัตรูพืช โลหะหนักที่ตกค้างในน้ำจากภาคเกษตรกรรมได้ ดังนั้นนวัตกรรมการแปรสภาพของเหลือทิ้งเป็นวัสดุดูดซับและบำบัดน้ำในชุมชน จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการจัดการปัญหาคุณภาพน้ำในชุมชนอย่างยั่งยืนได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ให้สภาพแวดล้อมในชุมชน ทำให้ชุมชนน่าอยู่มากยิ่งขึ้น และส่งผลต่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าการเกษตร ไปสู่การทำเกษตรปลอดภัย และปัจจุบันพบว่าเกษตรกรในจังหวัดก็มีความสนใจต้องการยกระดับเพิ่มราคาสินค้าเกษตรของตนเองโดยมีแนวโน้มในการทำเกษตรปลอดภัยเข้าสู่ระบบมาตรฐานปลอดภัย เพิ่มขึ้น นอกจากนี้จังหวัดปทุมธานีมีแนวนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรปลอดสารพิษแบบครบวงจร ทั้งประเภทพืชผัก ปศุสัตว์ และสัตว์น้ำจืด ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าเกษตรมีราคาเพิ่มสูงขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจ และส่งต่อให้กับผู้บริโภคที่จะได้บริโภคสินค้าเกษตรที่ปลอดสารพิษดีต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจจากสินค้าเกษตรดีขึ้น อาจสามารถสร้างเป็นธุรกิจของชุมชน การต่อยอดอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์และวางรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio Circular-Green Economy: BCG Economy) ได้ในอนาคต
วัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนาและแปรสภาพวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรให้เป็นวัสดุดูดซับเป็นนวัตกรรมชุมชนเพื่อกำจัดสารเคมีอันตรายและโลหะตกค้างจากการทำการเกษตรในพื้นที่ชุมชน 2. เพื่อเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และพัฒนาพื้นที่ชุมชนสู่การทำการเกษตรปลอดภัยด้วยนวัตกรรมชุมชน