ข้อมูลงานวิจัย การผลิตสารสกัดกัญชงมาตรฐานอุตสาหกรรมเพื่อใช้ประยุกต์ใช้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์อาหาร

ข้อมูลส่วนตัว
    • ชื่อ-นามสกุล (ภาษาไทย)ดร.ไฉน น้อยแสง
    • ชื่อ-นามสกุล (ภาษาอังกฤษ)ดร.Chanai Noisaeng
    • ตำแหน่งทางวิชาการ-
    • ตำแหน่งปัจจุบันอาจารย์
    • คณะ/หน่วยงานสถาบันวิจัยและพัฒนา
    • โทรศัพท์0813427XXX
    • E-Mail Addres
    • สาขาวิชาการที่มีความชำนาญงานสอน
    อัพเดทล่าสุด
    09 ก.ย. 2566
    00041
    จำนวนคนดู
ข้อมูลโครงการงานวิจัย
ชื่อโครงการ การผลิตสารสกัดกัญชงมาตรฐานอุตสาหกรรมเพื่อใช้ประยุกต์ใช้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์อาหาร
ชื่อโครงการภาษาอังกฤษ Production of industrial grade Cannabis sativa L. extract for application in health and food products
หน่วยงาน
หัวหน้าโครงการ
ผู้ร่วมวิจัย 1. ผศ.บุณณดา ภมรปฐมกุล
พี่เลี้ยง
ที่ปรึกษา
ปีงบประมาณ 2564
คำสำคัญ สารสกัดกัญชง, กรรมวิธีการสกัดด้วยคาร์บอนไดออกไซด์
ผลลัพธ์
บทคัดย่อ (ภาษาไทย)
บทคัดย่อ (ภาษาอังกฤษ)
หลักการและเหตุผล สารสกัดจากส่วนต่างๆของต้นกัญชง เป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั่วโลก ในปีพ.ศ. 2562 ตลาดผลิตภัณฑ์กัญชงทั่วโลกมีมูลค่าถึง 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวถึง 26.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ในทวีปยุโรปความนิยมผลิตภัณฑ์จากกัญชงมีความเป็นมายาวนานและมีการเพาะปลูกในหลายพื้นที่ทั้งยุโรปตะวันออกและตะวันตก โดยแหล่งปลูกที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในประเทศฝรั่งเศสที่ผลิตถึงร้อยละ 50 ของวัตถุดิบกัญชงทั้งหมดในภูมิภาค กัญชงนั้นนิยมนำมาประกอบผลิตภัณฑ์อาหาร ยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายประเภท และสามารถผสมเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพราะมีคุณสมบัติลดการอักเสบเหมาะสำหรับผู้มีปัญหาผิว ดังนั้นในโครงการนี้ผู้วิจัยจึงมีเป้าประสงค์ที่จะวิจัยและพัฒนากรรมวิธีการสกัดต้นกัญชงเชิงพาณิชย์ เพื่อให้ได้สารสกัดมาตรฐานตามข้อกำหนดกฎหมายเพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้ระบุไว้ว่าผลิตภัณฑ์สารสกัดจะต้องมีสาร THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 กัญชง (hemp) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cannabis sativa L. เป็นพืชไม้ล้มลุกที่มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์คล้ายต้นกัญชาแต่ไม่มีฤทธิ์เสพติดเหมือนกัญชา กัญชงมีแหล่งกำเนิดในเขตเอเชียกลางแต่ขยายพันธุ์ออกไปในเอเชียตะวันออก เอเชียใต้และทวีปยุโรป ประเทศไทยมีแหล่งกัญชงขึ้นอยู่ในเขตภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งนิยมนำมาแปรรูปเป็นเส้นใยสิ่งทอ ส่วนต่าง ๆของกัญชงได้แก่ ต้น ใบ ดอก และเมล็ดสามารถนำมาสกัดสารสำคัญ ได้แก่ cannabidiol (CBD) โปรตีนและไขมันจำพวก linoleic acid, linolenic acid และ oleic acid ที่สามารถสกัดได้จากเมล็ด (hemp seed oil) แต่ทั้งกัญชาและกัญชงมีสาร THC เป็นสารเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายเมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสมแต่อาจกระตุ้นอาการทางจิตเภทได้ในบุคคลบางกลุ่ม จึงจัดเป็นยาเสพติดให้โทษและไม่สามารถใช้ได้โดยถูกกฎหมายในหลายประเทศเป็นระยะเวลาหลายสิบปี แต่ด้วยงานวิจัยที่ก้าวไกลและเทคโนโลยีการสกัดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจึงทำให้มีความเข้าใจคุณประโยชน์ของสารสกัดว่ามีต้นกำเนิดจากสาร CBD และเทคโนโลยีปัจจุบันทำให้ได้สารสกัดที่มีสาร THC เจือปนน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้หลายประเทศปลดข้อจำกัดทางกฎหมายและยินยอมให้ใช้สารสกัด CBD ในผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และยา เช่นประเทศไทยที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศยกเว้นสารสกัดจากต้นกัญชาและกัญชงจากการเป็นสารเสพติดให้โทษ โดยอนุญาตให้สารสกัดที่มี CBD เป็นองค์ประกอบหลักและมีปริมาณ THC ตามมาตรฐานสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2562 นอกจากนี้เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2563 คณะรัฐมนตรีได้เปิดกว้างให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสามารถขออนุญาตปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์ได้เองโดยไม่ต้องร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ เป็นการส่งเสริมการปลูกกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจและพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์กัญชงในประเทศไทย แต่เมล็ดพันธุ์ที่สามารถปลูกได้ต้องเป็นสายพันธุ์ที่มีปริมาณ THC ต่ำกว่า 1.0% ซึ่งปัจจุบันมี 4 สายพันธุ์คือ RPF1 RPF2 RPF3 และ RPF4 สาร CBD สามารถสกัดได้จากทั้งต้นกัญชาและกัญชง แต่ข้อดีของการสกัด CBD จากต้นกัญชง คือมีสาร CBD ที่ต้องการและมีปริมาณสาร tetrahydrocannabinol (THC) เพียง 0.3% ซึ่งน้อยกว่าสารสกัดจากกัญชาที่มีปริมาณสาร THC ถึง 12% และมีCBD เพียงไม่ถึง 0.3% กรรมวิธีการสกัดสาร CBD คุณภาพตามมาตรฐานสหประชาชาติที่ทำอยู่ในปัจจุบันมี 3 วิธีที่นิยม วิธีแรกคือการสกัดส่วน ใบ ก้าน และดอกของพืชกัญชงด้วยตัวทำละลาย(maceration in solvent) เพื่อที่จะสกัด CBD โดยที่ปนเปื้อน THC น้อยที่สุด แต่กรรมวิธีนี้ใช้วัตถุดิบปริมาณมากและสารปนเปื้อนจากตัวทำละลาย (solvent) เช่น เอทานอล บิวเทน โพรเพน หรือไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ นั้นเป็นพิษต่อร่างกาย นอกจากนี้การสกัดด้วยตัวทำละลายยังละลายคลอโรฟิลทำให้ผลผลิตมีรสขมอีกด้วย วิธีที่สองคือการสกัดด้วยน้ำมันมะกอกซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิม มีความปลอดภัยและทำได้ง่าย แต่ข้อเสียคือปริมาณ CBD มีความเข้มข้นน้อยและไม่สามารถเพิ่มได้จึงไม่เมหาะสำหรับการเตรียมวัตถุดิบเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่น ๆ วิธีสุดท้ายคือการสกัดด้วย supercritical CO2 extraction ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นสำหรับการสกัดสมุนไพร สารสกัดจาก CO2 extraction มีคุณภาพดีปลอดภัย และมีสารเจือปนเช่นคลอโรฟิลน้อย เป็นกรรมวิธีที่เหมาะสมสำหรับการสกัดกัญชงเพื่อผลิตสารสกัดมาตรฐานอุตสาหกรรม ในโครงการนี้คณะผู้วิจัยมีความต้องการที่จะทดสอบประสิทธิภาพการสกัดกัญชงด้วยกรรมวิธี supercritical CO2 extraction เพื่อให้ได้สารสกัด CBD ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม และ คำถามงานวิจัยคือ สามารถสกัดต้นกัญชงสายพันธุ์ของประเทศไทยด้วยกระบวนการ supercritical CO2 extraction ให้สามารถผลิตสารสกัดตามข้อกำหนดกฎหมายเพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้ระบุไว้ว่าผลิตภัณฑ์สารสกัดจะต้องมีสาร THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 ได้ด้วยขั้นตอนและกรรมวิธีอย่างไร
วัตถุประสงค์ 1. เพื่อแปรรูปกัญชงเชิงพาณิชย์เป็นสารสกัดตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีปริมาณ THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 ด้วยกระบวนการ supercritical CO2 extraction 2. เพื่อลดต้นทุนการผลิตสารสกัดต้นกัญชงเชิงพาณิชย์ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์สุขภาพ